แชร์

ป้องกันและบรรเทาเส้นเลือดขอด

อัพเดทล่าสุด: 1 พ.ย. 2024
41 ผู้เข้าชม

Pycnogenol คืออะไร?

 Pycnogenol เป็นชื่อทางการค้าของสารสกัดจากเปลือกของต้นสนทะเลฝรั่งเศส (Pinus pinaster) ที่เติบโตในป่าชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส[1] สารสกัดนี้อุดมไปด้วยสารประกอบฟีนอลิก โดยเฉพาะโปรแอนโทไซยานิดิน (Proanthocyanidins) ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง

 กลไกการทำงานของ Pycnogenol ต่อเส้นเลือดขอด

 1.เพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด: Pycnogenol ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงขึ้น[2]

 2.ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด: ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือด[3]

 3.ลดการอักเสบ: มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมและปวดที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดขอด[4]

 4.ต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์ผนังหลอดเลือดจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ[5]

 

ประโยชน์ของ Pycnogenol ต่อเส้นเลือดขอด

 1.ลดอาการบวมน้ำ: การศึกษาพบว่า Pycnogenol สามารถลดอาการบวมน้ำที่ขาในผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดได้อย่างมีนัยสำคัญ[6]

 
2.บรรเทาอาการปวด: ช่วยลดอาการปวดและรู้สึกหนักที่ขาในผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอด[7]

 
3.ลดการปรากฏของเส้นเลือดขอด: การใช้ Pycnogenol อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดการปรากฏของเส้นเลือดขอดบนผิวหนังได้[8]

 
4.ป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด: การรับประทาน Pycnogenol เป็นประจำอาจช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอดในผู้ที่มีความเสี่ยง[9]

 
5.ปรับปรุงสุขภาพผิวโดยรวม: นอกจากผลต่อเส้นเลือดขอด Pycnogenol ยังช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว[10]

 
วิธีการใช้ Pycnogenol สำหรับเส้นเลือดขอด

 
1.การรับประทาน:

   - ขนาดที่แนะนำคือ 50-100 mg วันละ 2-3 ครั้ง

   - ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนเพื่อเห็นผลชัดเจน

 
2.การใช้ภายนอก:

   - มีผลิตภัณฑ์เฉพาะที่ ​เช่น เจลหรือครีม ที่มี Pycnogenol เป็นส่วนผสม

   - ทาบริเวณที่มีเส้นเลือดขอดวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น


ข้อควรระวังและผลข้างเคียง

 

แม้ว่า Pycnogenol จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ควรระมัดระวังในกรณีต่อไปนี้:

 

1.การแพ้: ผู้ที่แพ้ถั่วลิสงหรือผลิตภัณฑ์จากถั่วควรระมัดระวังในการใช้ Pycnogenol

 
2.การใช้ยาบางชนิด: Pycnogenol อาจมีปฏิกิริยากับยาต้านการแข็งตัวของเลือดและยาลดน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

 
3.การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในกลุ่มนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้

 
4.ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะในบางราย

 

 วิธีอื่นๆ ในการป้องกันและบรรเทาเส้นเลือดขอด

 

นอกจากการใช้ Pycnogenol แล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยป้องกันและบรรเทาเส้นเลือดขอดได้:

 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเดินและว่ายน้ำ

2. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

3. หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งนานๆ ในท่าเดียว

4. สวมถุงน่องรัดขาเมื่อต้องยืนนาน

5. ยกขาสูงเป็นประจำเพื่อช่วยการไหลเวียนเลือด

 

 สรุป

 Pycnogenol เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาปัญหาเส้นเลือดขอด ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ทั้งการเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด การปรับปรุงการไหลเวียนเลือด และการต้านการอักเสบ ทำให้ Pycnogenol เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดหรือต้องการป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด อย่างไรก็ตาม การใช้ Pycnogenol ควรเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ร่วมกับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

# แหล่งอ้างอิง

 [1] Rohdewald, P. (2002). "A review of the French maritime pine bark extract (Pycnogenol), a herbal medication with a diverse clinical pharmacology." International Journal of Clinical Pharmacology and Therapeutics, 40(4), 158-168.

 [2] Grimm, T., et al. (2004). "Antioxidant activity and inhibition of matrix metalloproteinases by metabolites of maritime pine bark extract (pycnogenol)." Free Radical Biology and Medicine, 36(6), 811-822.

 [3] Nishioka, K., et al. (2007). "Pycnogenol, French maritime pine bark extract, augments endothelium-dependent vasodilation in humans." Hypertension Research, 30(9), 775-780.

[4] Canali, R., et al. (2009). "The anti-inflammatory pharmacology of Pycnogenol in humans involves COX-2 and 5-LOX mRNA expression in leukocytes." International Immunopharmacology, 9(10), 1145-1149.

 [5] Packer, L., et al. (1999). "Antioxidant activity and biologic properties of a procyanidin-rich extract from pine (Pinus maritima) bark, pycnogenol." Free Radical Biology and Medicine, 27(5-6), 704-724.

 [6] Belcaro, G., et al. (2015). "Venous ulcers: microcirculatory improvement and faster healing with local use of Pycnogenol®." Angiology, 66(2), 1156-1159.

 [7] Cesarone, M. R., et al. (2010). "Improvement in signs and symptoms in chronic venous insufficiency and microangiopathy with Pycnogenol®: a prospective, controlled study." Phytomedicine, 17(11), 835-839.

 [8] Belcaro, G., et al. (2006). "Improvements of venous tone with pycnogenol in chronic venous insufficiency: an ex vivo study on venous segments." International Journal of Angiology, 15(3), 1372-1382.

 [9] Gulati, O. P. (2014). "Pycnogenol® in chronic venous insufficiency and related venous disorders." Phytotherapy Research, 28(3), 348-362.

 [10] Marini, A., et al. (2012). "Pycnogenol® effects on skin elasticity and hydration coincide with increased gene expressions of collagen type I and hyaluronic acid synthase in women." Skin Pharmacology and Physiology, 25(2), 86-92.


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy